Writing >> เปิดเทอม

วันนี้ดูเหมือนว่าอากาศจะสดใสเป็นพิเศษแตกต่างจากเมื่อวานที่ฝนตกทั้งวัน อากาศแปรปรวนแบบนี้คงไม่แปลกสำหรับคนปารีส สำหรับผมแล้วหลายครั้งที่มันทำให้ผมตัองล้มป่วย

ระยะเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์สำหรับการปิดเทอมหน้าหนาวเพื่อการพักผ่อนคงเพียงพอกับการเริ่มต้นใหม่ของการเรียนวันแรกในวันนี้ จุุดเริ่มต้นของการต่อสู้ชีิวิตอีกครั้งของการเป็นนักเรียนในฝรั่งเศษ

เช้าตรู่ของวัน ประมาณเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ที่สถานีรถไฟ Ivry sur seine ผมมาถึงโรงเรียนแล้วหลังจากที่ได้ผ่านการเดินทางมาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ  นับได้ว่าเป็นคนแรก ๆ ของชั้นเรียน ที่มาโรงเรียนเร็วเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมี เพื่อนนักเรียนร่วมชั้นอีกคนซึ่งเขาจะมาก่อนผมเสมอและก่อนใคร ๆ ในห้อง เขาชื่อ ปีแอร์ หนึ่งชั่วโมงกับอีกประมาณสามสิบนาที ถือว่านานทีเดียวสำหรับการเดินทางของเขา  เพราะว่าพวกเราอยู่ไกลนั่นเอง เราจึงมาก่อนใคร ๆ สำหรับผมแล้ว หกโมงเช้าของการตื่นนอน และสิ้นสุดวันในยามค่ำประมาณสามทุ่ม ยังคงเป็นชวิตที่ดำเนินอยู่อย่างมีความหวัง และเปี่ยมด้วยกำลังใจ

<<Bonjour>> อ่านว่า “บองจูร์” แปลว่า “สวัสดี” ผมเอ๋ยคำทักทาย ปีแอร์ พร้อมกับร่อยยิ้ม ที่แสดงถึงความรู้จักใกล้ชิดในระดับหนึ่ง คำตอบรับและถามกลับของเข้าด้วยความเป็นมิตร ก็คงยังเป็นอีกอย่างที่ทำให้ผมอยู่ที่นี่ได้ ภายใต้ความรู้สึกที่โดดเดี๋ยว ไกลบ้านอย่างนี้

แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเปิดภาคเรียน แต่ด้วยเหตุที่ยังเช้าอยู่ ผมจึงไม่เห็นหรือได้ยินเสียงคุยของพวกนักเรียนเลย หน้าต่างและประตูของโรงเรียนยังคงถูกปิดอยู่ หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเจ็ดโมงเข้าของผม ผมยังใช้คำว่ายังเช้าอยู่ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนเริ่มเปิดแปดโมง อันนี้ต้องยกความดีให้กับระบบการขนส่งของเขา ที่ค่อยข้างจะรวดเร็วและแน่นอนในการบริการ โดยปกติแล้วรถไฟจะจอดรับส่งที่สถานีหน้าโรงเรียนทุก ๆ 5 นาที่ในชั่วโมงเร็งด่วน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักเรียนที่อยู่ในปารีสสามารถมาถึงโรงเรียนได้ภายในสิบหรือห้านาทีก่อนโรงเรียนจะเข้า

ด้านบนของหน้าต่างเหล่านั้น มีแผ่นป้ายที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้คน ที่ผ่านไปมาได้รับทราบถึงอะไรสักอย่าง ซึ่งผมอ่านแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามัน หมายถึงว่าอะไร “APHRODITE Entrez dans le mythe…” ซึ่งแปลว่า “อาโฮดิสต์ เข้าสู่ความมหัศจรรย์” ผมหันไปถามปีแอร์ที่นั่งอยู่ข้าง ด้วยความสงสัย

<<Qu-est que ça veut dire?>> อ่านว่า “เคส เคอ ซา เวอ เดียร์” แปลว่า “มันหมายถึงอะไรหรือ” เขาหันไปดูด้วยความสนใจ และนิ่งไประยะหนึ่ง และให้คำตอบอย่างไม่แน่ใจ ว่าอาจจะเป็นการ หาเสียงของ กลุ่มนักเรียนที่เสนอตัวเพื่อเข้าเป็นสภานักเรียน  ผมจึงได้เข้าได้แล้วว่า “อาโฮดิสต์ “ ชื่อกลุ่มพร้อมกับ สโลแกน ของพวกเขา “เข้าสู่ความมหัศจรรย์”

การให้ข้อมูลที่เข้าใจยาก และต้องกลับไปคิดเอาเอง นี่แหละ คือรูปแบบการให้ข้อมูลข่าวสารของคนฝรั่งเศษ ผมพบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

BDE อ่านว่า “บี เด เออ” เป็นชื่อย่อของสภาฯนักเรียน ทุกคนรู้จักในนามของตัวแทนนักเรียน ที่เสนอตัว เพื่อเข้ามาทำงานให้กับส่วนร่วม ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการจัดกิจกรรมของโรงเรียน ในด้านต่าง ๆ และแน่นอนที่สุดที่เกี่ยวกับผม ก็คือ ด้านความสัมพันธ์ของนักศึกษาทางชาติ

เวลาแปดโมงเช้าทุกคนก็เข้าห้องเรียน เพื่อเรียนวิชาแรก สิบสองชั่วโมงสำหรับการเรียนของ ผมวันนี้ถือว่าหนักเอาการเลยทีเดียว แปดโมงเช้าจนถึงสองทุ่ม ในแต่ละสัปดาห์ ต้องเรียนอย่างนี้ถึงสามวัน

<<En position!!!>> อ่านว่า “ออง โปซิซิอองงง” แปลว่า “ประจำตำแหน่ง” เสียงดังสนั่นมาจาก นอกห้อง ขณะผมและเพื่อน ๆ ในกลุ่มเดียวกันอีกแปดสิบคนกำลังเีรียนอยู่ ทุกคนหันไปมอง ที่ประตูว่าเกิดอะไรขึ้น ผมหันกลับไปมองที่กระดานซึ่งตอนนี้อาจารย์ก็หยุดสอน และกำลังจะเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับบอกว่า ผมจะกลับมาอีกในอีกสิบห้านาที

ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แปลกใจว่าใครกันจะมาทำทะเล้นในขณะที่อาจารย์สอนอยู่มัน มันไม่ใช่เรื่อง

<<En position!!!>> เสียงตะโกนผ่านไมล์ ดังมาอีกหลายครั้งพร้อมกับกลุ่มนักเรียนทั้งหญิง และชายในชุดเสื้อสีเหลือง และมีคำว่า “APHRODITE” วิ่งเข้ามาในห้องอย่างเิอิกกะเริก จากประตูที่อยู่ด้านหลังของห้อง ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่านี่คือการหาเสียงของนักศึกษา กลุ่ม “APHRODITE” นั้นเอง มีหลายคนที่่วิ่งมาบนโต๊ะของนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ และกระโดดข้าม ไปมาอย่างหน้าเวียวหัว เสียงเพลงร๊อคถูกเปิดดังสนั่นจากหลังห้อง ตัวแทนคนหนึ่งที่มีไมล์ อยู่ในมือยังคงตะโกนคำว่า en position อยู่อย่างเป็นระยะ เพื่อให้ทุกคนในกลุ่มเ้ข้าประจำ ตำแหน่ง ซึ่งมีกลุ่มตัวแทนหญิงและชายประมาณ สิบคนอยู่ที่เวทีหน้าห้อง และชายอีกห้าคนอยู่ บนโต๊ะอาจารย์และโต๊ะแถวแรกของห้องและแน่นอนที่สุดบนโต๊ะผมด้วย เมื่อทุกคนพร้อมประจำ ตำแหน่ง เพลงประจำกลุ่มก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการเต้นกันอย่างพร้อมเพรียงของกลุ่มนักเรียน ทั้งหมด ร่วมทั้ง ที่อยู่หน้าห้อง และ บนโต๊ะ แล้ว ตัวแทนที่ถือไมล์ก็เริ่ม แนะนำชื่อของผู้สมัครทีละคน พร้อมกับแสงโห่ที่ดังเป็นระยะ ๆ ในขณะเดี่ยวกันตัวแทนอีกสองถึงสามคนก็แจกหนังสือแนะนำ ซึ่งมีอยู่ประมาณสิบหน้า  เป็นการแนะนำตัวผู้สมัครที่เริ่มขึ้นอย่างร้าวใจ

เพลงที่สองเริ่มขึ้นพร้อมกับการออกไปเต้นคู่กันของนักเรียนเพื่อนร่วมชั้นเรียน ซึ่งเป็นแข่งการเต้นของนักเรียน ผู้ชนะจะได้ไปเที่ยว เทคฟรีคืนนี้เป็นรางวัล ซึ่งเป็นเทคที่จัดขึ้นโดย “APHRODITE” การหาเสียงเป็นไปอย่างคึกคัก พร้อมกับผู้ชนะในการแข่งขันสามคน ซึ่งได้จากการเต้นรำ และการแข่งดื่มเบียร์

<<En position!!!>> เสียงตะโกนดังมาอีกครั้ง ผมคิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้าย ที่ทุกคนจะทำอะไรร่วมกันแล้วก็จากไป เพราะตอนนี้ก็ใกล้สิบห้านาทีแล้ว  ทุกคนประจำตำแหน่ง แต่มีเพียงหนุ่มคนเดียวที่อยู่บนโต๊ะอาจารย์หน้าห้อง

<<Allez….. Allez….>> อ่านว่า อาร์เหล่… อาร์เหล่… ซึ่งแปลว่า เอาเลย… เอาเลย… เป็นเสียงที่ทุกคนตะโกนพร้อมกัน ถึงตอนนี้ผมก็เริ่มรู้แล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น… ในช่วงวันรับน้องใหม่ ผมเคยได้เห็นตูดของนักเรียนฝรั่งเศษ ไม่ต่ำกว่าสิบคน หลังจากจบคำ่ว่า <<Allez….. Allez….>> และนี่ก็คงเช่นกัน

สิ้นคำว่า Allez คำสุดท้าย หนุ่มตัวแทนกลุ่ม “APHRODITE” ก็เปิดตูดให้ทุกคนให้ห้องดู ในขณะที่พวกสาว ๆ ที่อยู่หน้าห้องก็เต้นไปตามจังหวะเสียงเพลง <<นี่แหละ วัฒนาธรรม>> ผมไม่ได้แสดงอาการแปลกใจอะไรในครั้งนี้ เพราะผมเข้าใจว่านี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมของเขาที่ผมยังเ้ข้าไม่ถึง แต่ต้องรับรู้ในตอนนี้

ผมไม่ได้หันไปมอง เพราะมันก็ไม่หน้ามองสักเท่าไหร่ แต่แล้วเสียงโห่ระลอกสองก็ดังสนั่นห้องอีกครั้ง ผมหันไปมองอย่างแปลกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็พบว่า หนุ่มตัวแทนกลุ่ม “APHRODITE” คนเดียวกันกำลังเปิดเจี้ยวให้ทุกคนในห้องดู แล้วเขาก็ประสบความสำเร็จด้วยเสียงตอบรับด้วยการโห่และปรบมือ

การหาเสียงเปิดและ ปิดฉากได้อย่างมหัศจรรย์ ตามสโลแกน

จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ของผมวันนี้ ได้เกิดขึ้นแล้วอย่างงงงัน

<<ส่วนหนึ่งของสังคมฝรั่งเศษ ที่เหนือคำบรรยายสำหรับคนไทย>>

อันที่จริงแล้วที่เขาเล่าว่าสังคมหนึ่ง ๆ ยอมมีความโดดเด่นและแตกต่างในตัวมันเองนั้น ผมยังคงไม่เชื่อถ้าไม่ได้เจาะกับตัวเอง  หากนับก็คงเป็นเวลาประมาณสามอาทิตย์กว่า ๆ แล้วที่ผมย้ายที่อยู่ ห่างจากคนไทยด้วย ไปอยู่ยังเมืองเล็ก ๆ ทางด้านตะวันตกของปารีส ที่ชื่อว่า chennevere ที่นี่เองที่ทำให้เริ่มเข้าใจว่า สังคมที่แตกต่างเป็นอย่างไร เป็นโดดเดี๋ยว ไร้ซึ่งคนรู้จัก คนไทยหรือคนฝรั่งเศษ

decembre 2001

Related posts: